หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

จงฟังเสียงของความรัก

หลายครั้งที่เราเขินอายไม่กล้าแสดงออกซึ่งรักที่เรามีเพราะกลัวจะทำให้ตัวเองหรือผู้อื่นกระดากกระเดื่อง เราลังเลที่จะพูดไปตรงๆ ว่า "ฉันรักเธอ" เราจึงพยายามสื่อความรู้สึกนี้ออกไปด้วยคำอื่น เช่น "รักษาตัวดีๆนะ" หรือ "อย่าขับรถเร็วนัก" หรือ "โชคดีนะ" แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นแค่วิธีต่างๆ ในการพูดว่า "ฉันรักเธอ" "เธอสำคัญต่อฉัน" "ฉันสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ" "ฉันไม่อยากให้เธอบาดเจ็บ" คนเรานี้บางครั้งก็ประหลาด สิ่งเดียวที่เราอยากจะพูด และเป็นสิ่งที่ควรพูด เรากลับไม่พูดออกไป กระนั้น การที่เรารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ และอยากจะพูดออกไปมาก เป็นผลให้เราใช้คำหรือสัญญาณอื่นที่บอกว่าจริงๆแล้วเราหมายถึงอะไร แต่หลายครั้งที่ความหมายเหล่านั้นสื่อไปไม่ถึง ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ต้องการเพราะฉะนั้น เราจึงต้อง ฟังเสียงของความรัก ในคำที่ผู้อื่นพูดกับเรา บางครั้งคำพูดที่ชัดแจ้งก็จำเป็น แต่บ่อยครั้งที่อากัปกิริยาในการพูดนั้นสำคัญยิ่งกว่า คำพูดเหน็บแนมใส่ความรักและชื่นชอบไว้ในความรู้สึกซึ่งแสดงออกมาอย่างไม่จริงใจ การกอดเร็วๆ เป็นการบอกว่าฉันรักเธอ แม้ว่าคำที่พูดออกมาอาจเป็นอย่างอื่น การแสดงออกถึงความห่วงกังวลที่คนหนึ่งมีต่ออีกคนหนึ่งเป็นการบอกว่า ฉันรักเธอแต่บางครั้งก็แสดงออกมาอย่างเงอะงะ หรือแม้แต่ดุร้ายบางครั้งเราก็ต้องตั้งใจมองและฟังมากๆ เพื่อรับรู้ความรักที่อยู่ภายใน มันมักจะอยู่ใต้ผิวที่คลุมอยู่ แม่อาจจะบ่นว่าลูกชายบ่อยๆ เรื่องผลการเรียนหรือการทำความสะอาดห้อง ลูกชายอาจได้ยินแค่เสียงบ่น แต่ถ้าตั้งใจฟังดีๆ เขาจะได้ยินความรักซึ่งอยู่ใต้เสียงจุกจิกจู้จี้นั้น แม่ต้องการให้ลูกทำดี และประสบความสำเร็จ แต่น่าเสียดายที่ความห่วงใยและความรักลูกชายออกมาในรูปของการบ่นว่า แต่อย่างไรมันก็คือความรัก ลูกสาวกลับบ้านช้ากว่าที่อนุญาต และพ่อมาดุแรงๆ ด้วยความโกรธ ลูกสาวอาจได้ยินแค่ความโกรธ แต่ถ้าตั้งใจฟังดีๆ จะได้ยินความรักที่อยู่ใต้ความโกรธนั้น พ่อกำลังพูดว่า "พ่อเป็นห่วงลูก เพราะพ่อใส่ใจลูก รักลูก ลูกสำคัญต่อพ่อ"เราบอกรักด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของขวัญวันเกิด กระดาษโน้ตใบเล็กๆ รอยยิ้ม และบางครั้งก็น้ำตาบางครั้งเราแสดงออกซึ่งความรักด้วยการนิ่งเงียบและไม่พูดอะไรเลย แต่บางครั้งก็พูดออกมา ถึงขนาดห้วนๆ ก็มีบางครั้งเราแสดงความรักโดยไม่ได้ยั้งคิดหลายครั้งเราตั้งแสดงความรักด้วยการยกโทษให้คนที่ไม่ได้ยินความรักที่เราพยายามส่งไปปัญหาในการฟังเสียงของความรักคือเราไม่ค่อยเข้าใจภาษาแห่งรักที่ผู้อื่นใช้ เด็กสาวอาจใช้น้ำตาหรือแสดงอารมณ์เพื่อบอกว่าเธออยากจะพูดอะไร แต่แฟนของเธออาจไม่เข้าใจ เพราะเขาคาดหวังให้เธอพูดภาษาเดียวกับเขา ดังนั้นเราจึงต้องบังคับตัวเองให้ตั้งใจฟังเสียงแห่งรักปัญหาใหญ่คือคนเราไม่ค่อยฟังกัน เราได้ยินคำพูด แต่เราไม่ฟังความหมายจริงๆ ของคำนั้น หรือไม่ดูการแสดงออกทางสีหน้า หรือบางครั้งเราก็ฟังเพื่อจะปฏิเสธและเข้าใจผิดเราไม่เห็นความรักที่อยู่ลึกลงไป แม้ว่าคำพูดที่ออกมาจะแสดงความโกรธก็เถอะ เราต้องฟังเสียงของความรักจากผู้คนรอบข้าง ถ้าฟังดีๆ จะพบว่าเรามีคนรักมากกว่าที่คิด ฟังเสียงของความรักเถิด แล้วเราจะพบว่าโลกนี้น่าอยู่ยิ่งนักความรักคือสิ่งที่ให้ความสุขทำให้เราหัวเราะทำให้เราร้องเพลงทำให้เราเสียใจทำให้เราร้องไห้ทำให้เราหาเหตุผลทำให้เราเป็นผู้รับทำให้เราเป็นผู้ให้นอกเหนือจากอะไรทั้งหมด ความรักทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้คนอื่นจะอยู่หรือไม่อยู่กับเราไม่ได้แตกต่างอะไรนักเพราะเราไม่เห็นต้องรู้สึกว้าเหว่แม้จะอยู่คนเดียวบางครั้งมันก็ดีที่ได้อยู่คนเดียว แต่นั่นไม่ได้ทำให้เราโดดเดี่ยว การอยู่กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องสำคัญ การให้คนอื่นรู้ว่ามีเราอยู่ต่างหากที่สำคัญ ดังนั้น จำไว้ว่า ถ้าคุณรักใครก็บอกเขาไปเถิด พูดอย่างที่คุณต้องการ อย่ากลัวที่จะแสดงตัว ใช้โอกาสนี้บอกเขาว่าเขามีความหมายต่อคุณเพียงใด อย่าปล่อยให้เวลาล่วงผ่านไปจะได้ไม่ต้องมาเสียใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือ อยู่ใกล้ๆ เพื่อนและครอบครัวของคุณ เพราะพวกเขาช่วยให้คุณเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ความแตกต่างระหว่างการแสดงความรักและการมานั่งเสียใจคือ ความเสียใจอาจจะคงอยู่ไปตลอด ถ้าคุณอยากให้คนอื่นมีความสุข จงแสดงความรัก และถ้าคุณอยากมีความสุข ก็จงแสดงความรัก เมื่ออ่านอย่าพาลซึ้งตรึงดวงจิด เพราะชีวิตมิใช่มีค่าที่น่าอ่าน แต่จงอ่านพินิจพิจารณา จึงจะมีค่าเพราะว่าอ่านข้อความใดที่ได้อ่านแล้วมีค่ามีความหมายสามารถนำมาใช้กับชิวิตได้ขอให้พิจารณาด้วยนะครับท่านๆ ทั้งหลายที่ท้อท้อยและหัวใจกำลังอ่อนล้าจะได้มีพลังขึ้นมาต่อสู้ต่อไปดีกครั้งหนึ่ง เพราะชีวิตของเรามิได้จบแค่นี้ยังต้องต่อสู้เพื่อจะได้พบความสดใสที่ปลายฟ้า
ที่มา : โต๊ะไร้สังกัดจากpa เจ้าของบทความ : ไม่ทราบชื่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น